“เลือดเจ้า” ว่าด้วยเรื่องราวของโรคฮีโมฟีเลียและมรดกเลือดจากควีนวิกตอเรียสู่ราชวงศ์ยุโรป

ควีนวิกตอเรียเป็นหนึ่งในราชินีที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก มรดกจากยุคของพระองค์มีตั้งแต่การล่าอาณานิคมไปจนถึงแฟชั่นและจารีตทางสังคมมากมาย ผ่านทางลูกๆ ทั้ง 9 และหลานอีก 42 สายเลือดของควีนวิกตอเรียสร้างสายสัมพันธ์ที่ซับซ้อนจนได้รับฉายาเป็นสมเด็จย่าแห่งยุโรป ในขณะที่สายเลือดของพระองค์แตกกิ่งก้าน มรดกที่เป็นดั่งคำสาปก็กระจายออกไปเช่นกัน ทุกวันนี้ควีนวิกตอเรียเป็นที่จดจำในอีกชื่อที่ไม่น่าภูมิใจนัก คือทรงเป็นต้นตอของโรคฮีโมฟีเลีย – หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้สองราชวงศ์ยิ่งใหญ่ต้องสั่นคลอนถึงขั้นล่มสลาย ราชวงศ์แรกคือโรมานอฟของรัสเซีย ราชวงศ์หลังคือบูร์บงของสเปน

ฮีโมฟีเลีย หรือโรคเลือดไหลไม่หยุดเป็นโรคทางพันธุกรรมที่เกิดจากความผิดปกติเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด ผู้ป่วยโรคนี้ไม่ได้มีเลือดออกมากหรือเร็วกว่าคนทั่วไป แต่ขาดโปรตีนสำคัญที่ทำให้เลือดหยุดไหลทำให้เลือดออกนานจนเป็นอันตราย ในยุคของควีนวิกตอเรีย อาการของโรคฮีโมฟีเลียยังเป็นเรื่องใหม่ อันที่จริง คำว่า ‘ฮีโมฟีเลีย’ เพิ่งถูกนิยามในปี 1828 และกว่าควีนวิกตอเรียจะทราบว่าทรงมีคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคนี้ก็ต้องรอไปถึงปี 1859 เมื่อเจ้าชายลีโอปอล – ลูกชายคนเล็ก เริ่มหัดเดินและได้แผลที่หายช้าอยู่เป็นประจำ

“ลีโอปอลที่น่าสงสารต้องนอนพักอีกครั้งเพราะอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า แม้ว่าอาการป่วยจะไม่รุนแรง แต่หลานกลัวเหลือเกินว่าเขาจะไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ที่ต้องใช้กำลัง ข้อบกพร่องแสนโชคร้ายทำให้แผลของเขาหายช้า ไม่มียาตัวไหนช่วยเขาได้เลย” ควีนวิกตอเรียเขียนจดหมายถึงกษัตริย์ลีโอปอลแห่งเบลเยียม – สมเด็จน้าของพระองค์ที่ใช้ชื่อเดียวกันกับลูกชาย เจ้าชายที่น่าสงสารบาดเจ็บอีกหลายครั้งจนได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคฮีโมฟีเลีย

เจ้าชายลีโอปอล ลูกชายคนเล็กของควีนวิกตอเรีย
เจ้าชายลีโอปอล ลูกชายคนเล็กของควีนวิกตอเรีย

ฮีโมฟีเลียปรากฎในราชวงศ์อังกฤษได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ราชวงศ์อังกฤษไม่เคยมีใครป่วยเป็นโรคนี้มาก่อน พระบิดาของควีนวิกตอเรียเองก็ไม่มีอาการของโรคนี้ ดังนั้นความเป็นไปได้จึงมีอยู่เพียงสองอย่าง 1.ควีนวิกตอเรียเป็นพาหะของโรค โดยรับยีนผิดปกติมาจากครอบครัวฝ่ายแม่ 2.โรคนี้เพิ่งปรากฎเริ่มต้นจากควีนวิกตอเรียเป็นคนแรก

ฮีโมฟีเลียเป็นอาการที่เกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมผ่านทางโครโมโซม X ดังนั้นจึงมักปรากฎอาการในเพศชายที่มีโครโมโซมเป็น XY โดยได้รับโครโมโซม X ที่มีการกลายพันธุ์มาจากแม่ที่เป็นพาหะ สำหรับผู้หญิงที่มีโครโมโซม X สองตัว (XX) โอกาสที่จะเป็นโรคนี้ค่อนข้างยาก เพราะต้องได้โครโมโซม X กลายพันธุ์ถึงสองตัวจึงจะแสดงอาการ (หมายถึงแม่จะต้องเป็นพาหะและพ่อต้องเป็นผู้ป่วยฮีโมฟีเลียเดิม) ในกรณีของควีนวิกตอเรียทรงมีโครโมโซม X กลายพันธุ์อยู่หนึ่งตัว หากลูกของพระองค์ที่โชคร้ายได้โครโมโซมนี้ไปเป็นผู้หญิง พวกเขาจะเป็นพาหะที่ไม่แสดงอาการ (เนื่องจากมีโครโมโซม X อีกตัวทำหน้าที่ทดแทน) แต่หากลูกที่ได้รับโครโมโซม X กลายพันธุ์เป็นผู้ชาย เขาก็จะกลายเป็นผู้ป่วยแบบเจ้าชายลีโอปอล

วงการประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าควีนวิกตอเรียน่าจะเป็นต้นตอของยีนกลายพันธุ์เนื่องจากพระมารดาของพระองค์ (เจ้าหญิงวิกตอเรียแห่งซัคเซิน-โคบวร์ค-ซาลเฟลด์) เคยสมรสมาก่อน ทรงมีลูกกับสามีคนแรกสองคน (ลูกชายและลูกสาวอย่างละหนึ่ง) เจ้าชายคาร์ลแห่งไลนิงเงิน – พี่ชายคนละพ่อของควีนวิกตอเรีย ไม่ใช่ผู้ป่วยฮีโมฟีเลีย ทรงสิ้นพระชนม์ในวัย 52 ด้วยโรคหลอดเลือดในสมอง ลูกชายสองคนของเจ้าชายคาร์ล ไม่มีใครป่วยเป็นโรคฮีโมฟีเลียรวมไปถึงทายาทในรุ่นถัดไป เจ้าหญิงฟีโอโดราแห่งไลนิงเงิน – พี่สาวคนละพ่อของควีนวิกตอเรียมีทายาทถึง 6 คน (ลูกสาวและลูกชายอย่างละสาม) อาการเลือดไหลไม่หยุดไม่ปรากฎกับทายาทคนไหนในสายนี้ทำให้เราแน่ใจได้ว่าเจ้าหญิงฟีโอโดราไม่ได้เป็นพาหะ

วิกตอเรีย/อัลเบิร์ต กับลูกๆ ทั้ง 9 เรียงตามลำดับการเกิด  เจ้าหญิงวิกตอเรีย ไม่ได้เป็นพาหะ 
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ไม่มีอาการป่วย
เจ้าหญิงอลิซ เป็นพาหะ
เจ้าชายอัลเฟรด ไม่มีอาการป่วย
เจ้าหญิงเฮเลน่า ไม่ได้เป็นพาหะ 
เจ้าหญิงลูอิส ไม่ทราบว่าเป็นพาหะหรือไม่เพราะไม่มีทายาท
เจ้าชายอาเธอร์ ไม่มีอาการป่วย
เจ้าชายลีโอปอล เป็นผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลีย
เจ้าหญิงเบียทริซ เป็นพาหะ
วิกตอเรีย/อัลเบิร์ต กับลูกๆ ทั้ง 9 เรียงตามลำดับการเกิด 

เจ้าหญิงวิกตอเรีย ไม่ได้เป็นพาหะ 
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ไม่มีอาการป่วย
เจ้าหญิงอลิซ เป็นพาหะ
เจ้าชายอัลเฟรด ไม่มีอาการป่วย
เจ้าหญิงเฮเลน่า ไม่ได้เป็นพาหะ 
เจ้าหญิงลูอิส ไม่ทราบว่าเป็นพาหะหรือไม่เพราะไม่มีทายาท
เจ้าชายอาเธอร์ ไม่มีอาการป่วย
เจ้าชายลีโอปอล เป็นผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลีย
เจ้าหญิงเบียทริซ เป็นพาหะ 

30% ของผู้ป่วยฮีโมฟีเลียมาจากครอบครัวที่ไม่เคยมีประวัติโรคนี้มาก่อน เป็นไปได้ว่าควีนวิกตอเรียอาจมียีนกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่ได้สืบทอดมาจากใคร อย่างไรก็ดีด็อกเตอร์หลุยส์ พี.ลี กูยาเดอร์ จาก Hemophilia Association of New York ก็เคยออกมากล่าวในปี 2018 ว่า จำนวน 30% นั้นสูงเกินไป เขาเชื่อว่าหลายครอบครัวอาจมียีนโรคนี้ถ่ายทอดมา เพียงแต่ไม่รู้ตัวว่ามีก็เท่านั้น ครอบครัวของควีนวิกตอเรียทางสายมารดา มาจากตระกูลเจ้านายสายรองในเยอรมันดังนั้นจึงมีบันทึกเรื่องอาการเจ็บป่วยน้อยมาก ด็อกเตอร์หลุยส์เชื่อว่าการสืบย้อนประวัติครอบครัวไม่สามารถสรุปได้เพียง 1 หรือ 2 รุ่น ดังนั้นการกล่าวว่าควีนวิกตอเรียเป็นต้นเหตุ อาจไม่ใช่การสรุปที่ยุติธรรมนัก

เราไม่รู้แน่ชัดว่าควีนวิกตอเรียรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ เป็นไปได้ว่าพระองค์ไม่เชื่อว่าโรคสามารถสืบทอดผ่านลูกสาว หรือบรรดาราชวงศ์ยุโรป(ในตอนนั้น) มองข้ามโรคทางพันธุกรรม แต่ให้ความสำคัญกับสายเลือดราชวงศ์และผลประโยชน์ทางการเมืองมากกว่า

แต่ใช่ว่าลูกสาวของควีนวิกตอเรียทุกคนจะเป็นพาหะ มีเพียงเจ้าหญิงอลิซ – ลูกสาวคนที่สอง และเจ้าหญิงเบียทริซ – ลูกสาวคนสุดท้าย ที่เป็นพาหะของโรคนี้ เจ้าหญิงวิกตอเรีย – ลูกสาวคนโต และเจ้าหญิงเฮเลน่า – ลูกสาวคนที่สาม ไม่ได้เป็นพาหะ ส่วนเจ้าหญิงลูอิส – ลูกสาวคนที่ 4 ไม่มีทายาท ดังนั้นโอกาสของการสืบทอดโรคในรุ่นหลานจึงแทบจะมีโอกาส 50/50

วิกตอเรียกับลูกๆ และเขยกับสะใภ้ฉายภาพกับรูปปั้นของเจ้าชายอัลเบิร์ต  จากซ้ายไปขวา  เจ้าหญิงลูอิส 
เจ้าหญิงอลิซ 
เจ้าชายหลุยส์แห่งเฮสส์ (พระสวามีของเจ้าหญิงอลิซ)
เจ้าหญิงเบียทริซ (อยู่ในอ้อมกอดของควีนวิกตอเรีย) 
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด 
เจ้าหญิงอเล็กซานดร้า (พระชายาเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด) ถือภาพเจ้าชายอัลเบิร์ต 
เจ้าชายลีโอปอล 
เจ้าหญิงเฮเลน่า
วิกตอเรียกับลูกๆ และเขยกับสะใภ้ฉายภาพกับรูปปั้นของเจ้าชายอัลเบิร์ต 

จากซ้ายไปขวา 

เจ้าหญิงลูอิส 
เจ้าหญิงอลิซ 
เจ้าชายหลุยส์แห่งเฮสส์ (พระสวามีของเจ้าหญิงอลิซ)
เจ้าหญิงเบียทริซ (อยู่ในอ้อมกอดของควีนวิกตอเรีย) 
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด 
เจ้าหญิงอเล็กซานดร้า (พระชายาเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด) ถือภาพเจ้าชายอัลเบิร์ต 
เจ้าชายลีโอปอล 
เจ้าหญิงเฮเลน่า

โรคฮีโมฟีเลียปรากฎครั้งแรกในรุ่นหลานตอนเจ้าหญิงอลิซคลอดลูกชายคนที่สอง – เจ้าชายเฟรเดอริก ในปี 1873 เจ้าชายเฟรเดอริกสิ้นพระชนม์ตอนอายุแค่ 2 ปีหลังจากตกลงมาจากหน้าต่าง หากมองกันตามสายตาปัจจุบัน บรรดาลูกสาวของเจ้าหญิงอลิซล้วนมีโอกาสเป็นพาหะของโรคร้าย น่าสนใจว่าอีก 20 ปีต่อมา เมื่อซาเรวิชนิโคลัส รัชทายาทบัลลังก์รัสเซียตัดสินใจสมรสกับเจ้าหญิงอเล็กซานดร้า – ลูกสาวคนที่ 4 ของเจ้าหญิงอลิซ ราชวงศ์รัสเซียกลับไม่เคยยกเรื่องโรคทางพันธุกรรมขึ้นมาพูดถึงซึ่งปรากฎว่าโรคฮีโมฟีเลียได้ถูกสืบทอดผ่านทางอเล็กซานดร้าไปสู่ลูกชายและรัชทายาทคนเดียวคือซาเรวิชอเล็กเซย์

ลูกสาว 4 คนของเจ้าหญิงอลิซ  จากซ้ายไปขวา  อิริน่า เป็นพาหะ 
วิกตอเรีย ไม่ได้เป็นพาหะ 
เอลิซาเบธ ไม่ทราบว่าเป็นพาหะหรือไม่เพราะไม่มีทายาท
อเล็กซานดร้า เป็นพาหะ
ลูกสาว 4 คนของเจ้าหญิงอลิซ 

จากซ้ายไปขวา 

อิริน่า เป็นพาหะ 
วิกตอเรีย ไม่ได้เป็นพาหะ 
เอลิซาเบธ ไม่ทราบว่าเป็นพาหะหรือไม่เพราะไม่มีทายาท
อเล็กซานดร้า เป็นพาหะ

อาการป่วยของอเล็กเซย์ถูกปกปิดจากสาธารณชนด้วยเหตุผลด้านการเมือง พระเจ้าซาร์มีรับสั่งให้กะลาสีร่างกายกำยำคอยอุ้มเจ้าชายรัชทายาทแทบจะตลอดเวลาเมื่อต้องออกปรากฎตัวต่อหน้าสาธารณะ (เพราะบางครั้งอเล็กเซย์มีอาการเลือดออกในข้อเข่าหรือข้อเท้าทำให้ไม่สามารถเดินได้)

อเล็กซานดร้า – ลูกสาวคนที่ 4 ของเจ้าหญิงอลิซเป็นพาหะนำโรคฮีโมฟีเลียไปสู่ราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซีย จากการชันสูตรศพของซาเรวิชอเล็กเซย์และแกรนด์ดัชเชสอนาสตาเซียในปี 2009 พบว่าอเล็กเซย์ป่วยเป็นฮีโมฟีเลีย บี มีแฟคเตอร์ 9 (factor IX) ในปริมาณที่ไม่เพียงพอหรือขาดแฟคเตอร์ 9 (Factor IX) ทำให้เลือดไม่แข็งตัว ส่วนแกรนด์ดัชเชสอนาสตาเซียเป็นพาหะฮีโมฟีเลียเช่นเดียวกับพระมารดา

จากซ้ายไปขวา 

แกรนด์ดัชเชสโอลก้า 
แกรนด์ดัชเชสมาเรีย 
ซาร์นิโคลัสที่ 2 
ซารีน่าอเล็กซานดร้า 
แกรนด์ดัชเชสอนาสตาเซีย 
ซาเรวิชอเล็กเซย์ 
แกรนด์ดัชเชสทาเทียน่า

12 ปีต่อมาหลังอเล็กซานดร้าสมรสกับว่าที่ซาร์แห่งรัสเซีย ชะตากรรมใกล้เคียงกันเกิดกับราชวงศ์บูร์บงเมื่อกษัตริย์อัลฟองโซที่ 13 ตกหลุมรักเจ้าหญิงวิกตอเรีย-ยูจิเนีย หลานสาวอีกคนของควีนวิกตอเรีย (ลูกสาวของเจ้าหญิงเบียทริซ)

อัลฟองโซที่ 13 ต่างจากซาร์นิโคลัส ในช่วงเวลาของพระองค์ โรคฮีโมฟิเลียกลายเป็นประเด็นโด่งดังเนื่องจากก่อนหน้านั้น เจ้าหญิงอิริน่า – พี่สาวของซารีน่าอเล็กซานดร้าที่แต่งงานกับน้องชายไกเซอร์วิลเฮล์มที่ 2 ของเยอรมัน ก็ให้กำเนิดลูกชายที่มีอาการดังกล่าวถึง 2 คน (จากบรรดาลูกชาย 3 คน) ถึงอย่างนั้นอัลฟองโซก็พร้อมเสี่ยง ทรงไม่เชื่อว่าวิกตอเรีย-ยูจิเนียจะเป็นพาหะ ซึ่งนั่น เป็นความคิดที่ผิดพลาด เพราะทันทีที่ลูกชายคนโต – เจ้าชายอัลฟองโซ ถือกำเนิดในปีต่อมา พระองค์ก็มีอาการเลือดไหลไม่หยุดหลังผ่านการขลิบ กษัตริย์อัลฟองโซรับไม่ได้ที่รัชทายาทของพระองค์ป่วยเป็นโรคร้าย ทรงโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของฝ่ายหญิง ทำให้ชีวิตสมรสของทั้งสองดิ่งลงเหวหลังจากนั้น

เจ้าหญิวิกตอเรีย-ยูจิเนีย กษัตริย์อัลฟองโซที่ 13 แห่งสเปน และลูกชายคนแรก - อัลฟองโซ เจ้าชายแห่งอัสตูเรียส ทายาทของราชวงศ์ที่เกิดมาพร้อมโรคฮีโมฟิเลีย
เจ้าหญิวิกตอเรีย-ยูจิเนีย กษัตริย์อัลฟองโซที่ 13 แห่งสเปน และลูกชายคนแรก – อัลฟองโซ เจ้าชายแห่งอัสตูเรียส ทายาทของราชวงศ์ที่เกิดมาพร้อมโรคฮีโมฟิเลีย

อัลฟองโซกับวิกตอเรีย-ยูจิเนีย โชคดีกว่าอเล็กซานดราและนิโคลัส ทั้งสองจะมีลูกชายด้วยกันอีกหลายคน เจ้าชายไฆเม – ลูกชายคนที่ 2 และเจ้าชายฆวน – ลูกชาย 4 ไม่ได้ป่วยเป็นโรคฮีโมฟีเลีย มีเพียงเจ้าชายรัชทายาทและเจ้าชายพระองค์เล็ก – เจ้าชายกอนซาโล เท่านั้นที่ได้รับสืบทอดยีนกลายพันธุ์จากพระมารดา (ส่วนเจ้าชายแฟร์นันโด – ลูกชายคนที่ 3 สิ้นพระชนม์หลังประสูติไม่นานจึงไม่ทราบว่าทรงป่วยด้วยหรือไม่)

วิกตอเรีย-ยูจีเนีย กับลูกๆ ทั้ง 6 

จากซ้ายไปขวา

เจ้าหญิงมาเรีย คริสติน่า (คาดว่า) ไม่ได้เป็นพาหะ 
อัลฟองโซ เจ้าชายแห่งอัสตูเรียส เป็นผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลีย
เจ้าชายกอนซาโล เป็นผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลีย
เจ้าชายฆวน ไม่มีอาการป่วย 
เจ้าชาย ไฆเม ไม่มีอาการป่วย 
เจ้าหญิงเบียทริซ (คาดว่า) ไม่ได้เป็นพาหะ

ประชาชนชาวสเปนเชื่อว่าอาการป่วยของเจ้าชายรัชทายาทเป็นการลงโทษของพระเจ้า ข่าวลือแพร่ออกไปว่ากษัตริย์สเปนฆ่าทหารหนุ่มวันละหนึ่งคนเพื่อนำเลือดมาเติมให้ลูกชาย สถานะของราชวงศ์สเปนที่ไม่มั่นคงอยู่แล้วเสียหายหนัก ปฏิเสธไม่ได้ว่าโรคฮีโมฟีเลียที่ปรากฎขึ้นในราชวงศ์นั้น เป็นหนึ่งในสาเหตุมากมายที่นำไปสู่การโค้นล้มราชวงศ์บูร์บง เปลี่ยนสเปนให้กลายเป็นสาธารณรัฐในเวลาต่อมา

นอกจากอัลฟองโซจะโชคดีกว่าพระเจ้าซาร์เรื่องการมีลูกชาย ราชวงศ์บูร์บงก็โชคดีกว่าโรมานอฟในหลายทาง ครอบครัวของอัลฟองโซไม่ได้ถูกสังหาร พระองค์ลี้ภัยหลังจากนั้น ราชวงศ์สเปนได้รับการฟื้นฟูหลังยุคของนายพลฟรังโก ปัจจุบันตำแหน่งกษัตริย์ของสเปนถูกสืบทอดต่อมาผ่านทางสายของเจ้าชายฆวน ซึ่งเป็นลูกชายคนที่ 4 พระองค์ไม่ได้สืบทอดฮีโมฟีเลียทำให้ทายาทสายตรงของบัลลังก์ไม่ปรากฎอาการนี้ในปัจจุบัน

References:

The Royal Disease: A Family History Update on Queen Victoria

Royal blood: Queen Victoria and the legacy of hemophilia in European royalty

Queen Victoria’s Hemophilia Documentary

Brief History of Hemophilia Treatment

รู้จัก โรคฮีโมฟีเลีย

Share This:

Share on facebook
Share on twitter

You may also like