พราโดมิวเซียมในกรุงมาดริดเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของผู้สนใจศึกษาประวัติศาสตร์เพราะเป็นสถานที่เก็บรักษางานศิลปะและคอลเลคชั่นส่วนตัวของราชวงศ์สเปนมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี หนึ่งในบรรดาภาพวาดที่โดดเด่นเป็นที่สนใจคือภาพของเด็กสาวในชุดสีแดงร่างกายอวบอ้วนที่ถูกเรียกว่า “ปีศาจสวมเสื้อผ้า” ข้างๆ กันมีภาพของเธอในอีกอิริยาบถ เนื้อตัวเปลือยเปล่าสวมเพียงแค่มงกุฏเถาองุ่น ภาพนี้ถูกเรียกด้วยชื่อที่มีแนวคิดคล้ายกันว่า “ปีศาจไม่สวมเสื้อผ้า” เด็กหญิงคนนี้เป็นใคร ทำไมถูกเรียกว่าเป็นปีศาจ?
ยูจิเนีย มาทิเนสเกิดในราวปี 1674 ที่เมืองเล็กๆ ทางตอนเหนือของประเทศสเปน ประวัติครอบครัวของเธอไม่แน่ชัด คาดกันว่าพ่อแม่ของยูจิเนียอยู่ในฐานะยากจนและเธอคงมีพี่น้องอีกหลายคนอาศัยในบ้านเดียวกัน ยูจิเนียเกิดในวันอาทิตย์ขณะที่แม่ของเธอกำลังเข้าร่วมพิธีในโบสถ์ การที่เธอคลอดอย่างกะทันหันในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ทำให้หลายคนคิดว่าเด็กคนนี้คงได้รับพรจากพระเจ้า ชื่อ ยูจิเนีย ที่พ่อแม่ของเธอตั้งให้ ก็เป็นผลมาจากความเชื่อนี้เพราะยูจิเนียแปลว่าผู้กำเนิดมาอย่างดี
ยูจิเนียในวัยทารกได้รับการบันทึกว่าเป็นเด็กสุขภาพดี กินอาหารได้มาก และ เติบโตไวกว่าคนอื่น ซึ่งถือเป็นเรื่องดีเพราะอัตราการตายของทารกในยุคเดียวกันนั้นสูงมาก ยกตัวอย่างเช่นในประเทศอังกฤษ ทารกเกิดใหม่ถึง 12% เสียชีวิตก่อนวันเกิดปีแรก ในขณะที่อีก 36% เสียชีวิตก่อนอายุครบ 6 ปี อย่างไรก็ดี ก่อนยูจิเนียจะอายุ 6 ขวบ ครอบครัวก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ
ยูจิเนียนั้นโตไม่หยุด ตอนอายุ 1 ขวบ กล่าวกันว่ายูจิเนียนั้นมีน้ำหนักเกือบ 20 กิโลกรัม และเริ่มถูกล้อเลียนจากเพื่อนบ้าน พ่อแม่ของยูจิเนียเชิญหมอมาตรวจดูอาการ แต่หมอก็ไม่รู้ว่ายูจิเนียป่วยเป็นอะไรจึงสั่งให้ทางบ้านควบคุมอาหาร ยูจิเนียถูกขังไว้ในบ้านเพราะเธอสร้างความอับอาย ใครต่อใครเรียกเด็กหญิงว่าปีศาจ ไม่ก็นางยักษ์ ข่าวความผิดปกติของเด็กหญิงที่เติบโตเกินวัยแพร่ไปไกลจนถึงราชสำนัก
สเปนตอนนั้นอยู่ในรัชสมัยของพระเจ้าชาร์ลที่ 2 ซึ่งเป็นกษัตริย์คนสุดท้ายของราชวงศ์ฮับส์บูร์สายสเปน ชาร์ลเกิดมาพร้อมความผิดปกติมากมายอันเป็นผลมาจากการแต่งงานในหมู่ญาติที่สืบทอดติดกันมาหลายรุ่น แม้ชาร์ลจะถูกบรรยายว่า “ดูน่าเกลียดจนน่ากลัว” แต่พระองค์ก็มีพระราชนิยมที่สืบทอดมาจากกษัตริย์สเปนรัชกาลก่อนๆ คือการเก็บสะสมมนุษย์ประหลาด
มนุษย์ที่มีความผิดปกติในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคนแคระ ผู้มีอวัยวะผิดรูป หรือแม้แต่คนบ้า ถูกเรียกรวมกันในราชสำนักสเปนว่า “ผู้คนแห่งความสุข” เพราะพวกเขามีหน้าที่หลักในการสร้างความบันเทิงให้ราชสำนัก ในวันที่ยูจิเนียถูกนำตัวเข้าเฝ้าพระเจ้าชาร์ลที่ 2 เธอมีอายุแค่ 6 ปี แต่มีน้ำหนักตัวมากถึง 65 กิโลกรัม บันทึกร่วมสมัยกล่าวถึงการมาถึงของยูจิเนียว่า “สิ่งมหัศจรรย์จากธรรมชาติได้เดินทางมาถึงราชสำนักในนามของเด็กยักษ์ชื่อยูจิเนีย” ชาร์ลที่ 2 ตื่นเต้นกับปรากฎการนี้มาก เสนอว่ายูจิเนียควรมาเป็นส่วนหนึ่งของราชสำนัก
ครอบครัวของยูจิเนียที่มีฐานะยากจนแน่นอนว่าไม่สามารถปฎิเสธ เป็นไปได้ว่าครอบครัวของเธอหวังใจให้ยูจิเนียได้รับการดูแลรักษา หรืออย่างน้อยวังหลวงก็คงมอบโอกาสที่ดีกว่าให้กับลูกสาว ยูจิเนียเข้ามาเป็นสมาชิกของกลุ่มผู้คนแห่งความสุขตั้งแต่อายุแค่ 6 ปี ดูเผินๆ เรื่องนี้ไม่เลวร้ายเพราะอย่างน้อยเธอก็ได้สวมเสื้อผ้าสวยงาม มีเกินมีใช้ แต่ชีวิตก็ไม่ได้ดีไปเสียทุกอย่าง
ชาร์ลที่ 2 ไม่รอช้าที่จะเปิดตัวมนุษย์ประหลาดคนใหม่ในงานเลี้ยง ยูจิเนียถูกล้อเลียน เล่นสนุกเหมือนเป็นสิ่งของ และต้องทนกับการถูกกลั่นแกล้งมากมาย แม้จะเป็นที่เชื่อกันว่ายูจิเนียนั้น ไม่น่าจะมีหน้าที่รับใช้อื่นนอกจากการถูกนำมาจัดแสดงในยามที่กษัตริย์ต้องการ แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าหน้าที่ของเธอไม่ได้รับค่าตอบแทนและอาจถูกขับไล่ออกไปได้ทุกเมื่อ อันที่จริงกลุ่มบุคคลแห่งความสุขไม่ต่างอะไรจากสวนสัตว์มนุษย์ในยุคแรก พวกเขาเป็นเหมือนนิทรรศการที่มีชีวิต ถูกใช้เพื่อสร้างเสียงหัวเราะและเป็นเครื่องมือให้ชนชั้นสูงใช้เปรียบเทียบว่าตัวเองสูงส่งกว่า ฟิลิปที่ 4 พระบิดาของชาร์ลที่ 2 มีคนแคระในราชสำนักมากถึง 110 คน จุดประสงค์ของพระราชาไม่ใช่แค่ความสนุกสนาน ทรงวาดภาพจำนวนมากที่มีคนแคระเป็นส่วนประกอบเพื่อบอกว่าพระองค์เป็นบุคคลผู้สมบูรณ์แบบ (เมื่อเปรียบเทียบกับบุคคลที่เกิดมาต่ำต้อยกว่า)
ยูจิเนียนั้นโดดเด่นเป็นที่พูดถึงในประวัติศาสตร์ เพราะชาร์ลที่ 2 มีรับสั่งให้วาดภาพเหมือนสองภาพเพื่อบันทึกสิ่งที่พระองค์เห็นว่าเป็นความมหัศจรรย์ ภาพแรกนำเสนอยูจีเนียในชุดสีแดงหรูหรา ส่วนภาพที่สองเป็นภาพเด็กสาวในร่างกายเปลือยเปล่า ทั้งสองภาพเรียกยูจีเนียว่าเป็นปีศาจ (ปีศาจสวมเสื้อผ้าและปีศาจไม่สวมเสื้อผ้า) บ่งบอกว่ายูจิเนียนั้นมีชีวิตในราชสำนักในฐานะตัวประหลาด ใบหน้าของหญิงสาวในภาพดูไม่สบายใจนัก นั่นอาจมาจากความรู้สึกที่แท้จริงของยูจิเนียที่ต้องถูกบังคับให้ยืนเป็นแบบเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นเรื่องยากลำบากลำบากสำหรับผู้มีน้ำหนักตัวมากอย่างเธอ
ฮวน คาเรนโด เด มารินดา ศิลปินประจำราชสำนักผู้รับหน้าที่วาดภาพทั้งสองกล่าวถึงยูจิเนียว่า “ยูจิเนียผิวขาวซีด และไม่ได้ดูแย่เกินกว่าจะทนมอง ใบหน้าของเธอมีขนาดใหญ่ ศีรษะ คอ และส่วนอื่นๆ บนใบหน้าใหญ่กว่าคนธรรมดาเกือบสองเท่า ท้องของเธอใหญ่มากเหมือนผู้หญิงท้องแก่ใกล้คลอด ต้นขาของเธอเบียชิดเต็มไปด้วยไขมัน ยูจิเนียมีปัญหาในการพาร่างใหญ่ๆ ของเธอเคลื่อนไหวไปมา อันเป็นปัญหามาจากน้ำหนักตัว”
กล่าวกันว่าตอนภาพวาดทั้งสองถูกวาด ยูจีเนียน่าจะมีน้ำหนักตัวราว 70 กิโลกรัม และเมื่อพิจารณาจากวัฒนธรรมสเปนในยุคนั้นที่มีความเคร่งครัดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับผู้หญิง การวาดภาพนู้ดของเด็กหญิงจึงถือเป็นเรื่องหายาก ทำให้ภาพนี้กลายเป็นผลงานตัวอย่างที่ถูกพูดถึงมากในวงการศิลปะ
ปัจจุบันอาการของยูจิเนียได้รับการสันนิษฐานว่า น่าจะมาจากความผิดปกติของโครโมโซมคู่ที่ 15 หรือที่เรียกกันว่ากลุ่มอาการรพราเดอร์-วิลลี่ ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมอย่างหนึ่ง ส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกหิวตลอดเวลา กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีปัญหาด้านการเรียนรู้และพฤติกรรม ผู้ป่วยโรคนี้ส่วนใหญ่มักพบปัญหาเรื่องการควบคุมน้ำหนักตัวจนนำไปสู่ภาวะอ้วน แม้ว่าปัจจุบันโรคนี้จะยังไม่มีวิธีรักษา แต่ถ้าควบคุมปริมาณแคลอรี่ควบคู่ไปกับการดูแลที่ถูกต้องก็จะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
อย่างไรก็ดี ในยุคของชาร์ลที่ 2 ยังไม่มีความรู้ทางการแพทย์ถึงขั้นนั้น ที่สำคัญ ราชสำนักสเปนไม่ได้ตั้งใจหาวิธีรักษา แต่ปล่อยให้ยูจิเนียรับประทานอาหารต่อไปจนสุขภาพย่ำแย่ บันทึกกล่าวว่ายูจิเนียเหนื่อยง่ายกว่าคนทั่วไป และไม่เคยมีประจำเดือนเลยตลอดชีวิต ยูจิเนียเสียชีวิตอนอายุเพียง 24 ปี ด้วยสาเหตุไม่แน่ชัด เราไม่ทราบว่าร่างของเธอถูกฝังอยู่ที่ไหน มีความสุขหรือไม่ในราชสำนัก บันทึกร่วมสมัยกล่าวว่าเธอเป็นคนร่าเริงและคิดบวก ซึ่งเป็นสาเหตุให้เธอได้รับความนิยมอย่างมากในวังตั้งแต่เด็กจนโต
References:
Eugenia Martínez Vallejo, Clothed
Eugenia Martínez Vallejo, Naked
The Tragic Life of The “Monster” of The Palace | Eugenia Martínez