ศพของเลนิน ผู้นำและบิดาแห่งสหภาพโซเวียตถูกเก็บไว้อย่างดีแม้เสียชีวิตมาแล้วร่วมร้อยปี

ศพเลนิน ทรัพย์สินที่สูงค่าที่สุดในสหภาพโซเวียต?

-ในปี 1941 เมื่อกองทัพนาซีเดินทัพใกล้ประชิดกรุงมอสโก สิ่งแรกที่สหภาพโซเวียตตัดสินใจอพยพไม่ใช่สมบัติมีค่า ไม่ใช่คณะรัฐบาล ไม่ใช่ประชาชน แต่เป็นร่างไร้วิญญาณของเลนิน

-ในยุคที่ตำรวจลับ KGB มีอำนาจยิ่งใหญ่ จดหมายลับสุดยอดที่หัวหน้า KGB ส่งถึงโมโลตอฟ – มือขวาของสตาลิน ลงรหัสความสำคัญพอๆ กับเรื่องวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ คือจดหมายรายงานว่า ‘ชิ้นส่วนผิวหนังของเลนินมีการเปลี่ยนสีเพียงเล็กน้อย’

ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ร่างของเลนินเคยถูกขนออกจากมอสโกด้วยรถไฟเที่ยวพิเศษ พร้อมการคุ้มกันที่ดีที่สุดทางอากาศ สุสานของเลนิน (Lenin Mausoleum) ในปัจจุบันมีแลปที่เพรียบพร้อมไปด้วยวิทยาศาสตร์ทันสมัยตรียมไว้รับสถานการณ์ฉุกเฉินหากร่างของท่านผู้นำเกิดความผิดปกติขึ้นมา เวลาหนึ่งเดือนของทุกปี ร่างของเลนินจะถูกนำมาแช่สารแค่มีที่เป็นความลับ เพื่อรักษาร่างของท่านผู้นำให้ดูดีเหมือนมีชีวิต – คำถามคือ ทำไม?

งานศพที่ไม่จบสิ้น การรักษาศพเลนินเริ่มต้นด้วยเหตุการณ์เฉพาะหน้า

วลาดีมีร์ เลนิน ผู้นำนักปฏิวัติมาร์กซิส หัวหน้าพรรคบอลเชวิก และบิดาแห่งสหภาพโซเวียตเสียชีวิตในวันที่ 21 มกราคม 1924 ข่าวการเสียชีวิตของท่านผู้นำ พาให้ผู้คนจากทั้งสารทิศเดินทางนับพันไมล์มาไว้อาลัยบิดาแห่รัฐ พรรคบอลเชวิคเข้าใจว่าแถวของผู้คนที่เดินทางมาเคารพศพจะจบลงในไม่ช้า แต่เมื่อเข้าเดือนเมษา บรรดาผู้คนมากมายก็ยังเดินทางเมาไม่จบสิ้น การตั้งศพของเลนินในเดือนมกราคมไม่ใช่ปัญหา แต่เมื่ออากาศอุ่นขึ้นในช่วงกลางปี คงต้องมีการทำอะไรสักอย่าง…

ผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลมาเคารพศพเลนิน แถวยาวจนวนรอบจัตุรัสแดงในกรุงมอสโกว
ผู้คนต่อคิวเคารพศพเลนิน

มีข้อเสนอให้ดองร่างของเลนินเป็นการชั่วคราวเพื่อเป็นการชะลอการเน่าเปื่อย สูตรที่ทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์คิดขึ้นเพื่อดองศพถือเป็นความลับสุดยอด นาเดชด้า ครุปสกายา ภรรยาของเลนินลำบากใจกับความคิดนี้ สิ่งเดียวที่เธอต้องการคือฝังร่างสามีอย่างสงบและตั้งอนุสรณ์เล็กๆ เพื่อเป็นเกียรติให้บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ สมาชิกพรรคหลายคนไม่เห็นด้วย ตามแนวคิดมาร์กซิส ชีวิตหลังความตายไม่มีอยู่ ร่างกายของมนุษย์ถือว่าไร้ค่าขนาดมีคนเสนอว่าควรนำศพสมาชิกพรรคไปเผาทำปุ๋ยเสียแล้วส่งให้โรงงานยังจะเป็นประโยชน์เสียกว่า มีเสียงค้านอีกว่าแม้แต่หลุมศพคาร์ล มาร์กซ์ บิดาแนวคิดสังคมนิยมที่อังกฤษก็ยังไม่มีศพถูกตั้งเพื่อเคารพบูชา

เลนิน บุคคลศักดิ์สิทธิ์แบบรัสเซียออร์โธดอกซ์

J. Arch Getty นักประวัติศาสตร์ผู้เชียวชาญเรื่องสหภาพโซเวียตและอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย University of California อธิบายประเด็นดังกล่าวโดยเชื่อมโยงการตัดสินใจในประวัติศาสตร์กับโครงสร้างทางวัฒนธรรม “ชาวรัสเซียเชื่อว่าร่างกายของนักบุญจะไม่มีวันเน่าเปื่อย ถ้าคุณสังเกตสถาปัตยกรรมสุสานของเลนิน คุณจะพบว่าบรรยากาศด้านในมืดมาก เสียงเพลงที่ใช้ ก็คล้ายเพลงไว้อาลัยในความเชื่อของชาวรัสเซีย ประตูของสุสานเปิดแง้มไว้เพียงเล็กน้อยตลอดเวลา ถ้าผมถามว่ามีสิ่งก่อสร้างไหนที่มักแง้มประตูไว้แบบนี้ สิ่งก่อสร้างนั้นคือโบสถ์แบบรัสเซียออร์โธดอกซ์ ในวันที่มีพิธีสำคัญ เพราะนั่นคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ คุณไม่สามารถเอามือล้วงกระเป๋าในโบสถ์ได้เช่นไร ถ้าคุณลองเอามือล้วงกระเป๋าต่อหน้าเลนินดูสักครั้ง ผู้ดูแลพร้อมอาวุธจะเข้ามาเตือนคุณทันที เพราะมันเป็นท่าทีของความไม่เคารพ”

ทหารยืนเฝ้าสุสานของเลนินประหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

Getty เสนอแนวคิดสำคัญโดยกล่าวว่า ประชาชนชาวรัสเซีย เคยมีสิ่งยิดเหนี่ยวจิตใจคือโบสถ์และพระเจ้าซาร์ เมื่อสหภาพโซเวียตปฏิเสธทั้งสอง สิ่งที่บรรดาชาวนาพอจะสามารถนำมายึดโยงจิตใจ คือการใช้ร่างของเลนินซึ่งเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับความเป็นเทพเจ้า พวกเขายังเชื่อว่าร่างของท่านผู้นำสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ เช่นการจับต้องศพจะรักษาโรคให้หาย และหากนำผู้เสียสติมายืนต่อหน้า จิตใจของเขาจะได้รับการเยียวยาจนกลับมาเป็นปกติ “ต้องใช้เวลาถึง 5 ปี กว่าพรรคบอลเชวิคจะตัดสินใจสร้างอาคารถาวรสำหรับบรรจุร่างเลนิน ตอนนั้นมีการประกวดแบบอย่างใหญ่โต ในบรรดาแบบร่างที่ส่งมา มีทั้งแนวคิดสมัยใหม่มาก อย่างการติดตั้งเสาโทรศัพท์ไว้บนอาคาร หรือการทำเสากระแสไฟฟ้าให้วิ่งผ่านกันระหว่างอาคารตลอดเวลา น่าสนใจว่าแบบที่พรรคเลือก คือรูปทรงพีระมิดทีมีความเกี่ยวโยงกับความเป็นอมตะและชีวิตหลังความตาย สองอย่างนี้ไม่เข้ากับแนวคิดสังคมนิยม แต่สามารถเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมของชาวรัสเซีย ในภาษาที่ชาวบ้านทั่วไปสามารถเข้าใจได้ในทันที”

บรรยากาศด้านในที่ดูสงบเหมือนอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
บรรยากาศด้านในที่ดูสงบเหมือนอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

“สมัยที่สหภาพโซเวียตยังไม่ล่มสลาย ผมเคยเข้าไปในสุสานเลนิน มีเด็กชายตัวน้อยถามผมว่า ‘คุณรู้มั้ยทำไมประตูสุสานถึงเปิดแง้มไว้แค่นิดเดียว’ ผมตอบว่า ‘ไม่รู้สิ เพราะเป็นแนวคิดเดียวกับโบสถ์หรือเปล่า’ เด็กชายส่ายหน้า เขาตอบอย่างมั่นใจ ‘เพราะถ้าเลนินตื่นขึ้นมา เขาจะได้ออกไปไม่ได้’ แน่นอนละ คุณฟังถึงตรงนี้คงขำ แต่ไม่มีความตลกบนใบหน้าของเด็กน้อย เขาเชื่อจริงๆ ว่าสักวันเลนินจะลุกขึ้นมา เหมือนบรรดาเซนต์คนสำคัญที่จะคืนชีพมาเพื่อช่วยโลก”

Getty กล่าวถึงกระบวนสื่อสารที่สำคัญผ่านสุสานของเลนิน ทุกปี ในวันชาติ หรือวันเฉลิมฉลองสำคัญ รัสเซียจะมีการจัดเดินสวนสนามที่จัตุรัสแดง ตอนนั้นเองที่บรรดาผู้นำระดับสูงสุด จะยืนอยู่บนยอดพีระมิดของสุสานเพื่อชื่นชมความภาคภูมิใจของประเทศ “รัสเซียเชื่อในตัวบุคคล พวกเขาไม่รู้จักรัฐธรรมนูญหรือระบบกฎหมาย ก่อนหน้านี้บุคคลที่มีสิทธิ์ปกครองได้ต้องมีสายเลือดมาจากพระเจ้าซาร์ ระบบผู้สืบทอดยังดำเนินต่อไป ไม่ใช่ทางสายเลือดแต่เป็นทางแนวคิด ภาพของผู้นำบนสุสานของเลนินหมายความว่าพวกเขาได้สืบทอดเจตนารมณ์ของบุคคลที่สร้างรากฐานให้ประเทศ”

บรรดาผู้นำสหภาพโซเวียต ปรากฏตัวบนอาคารสุสานของเลนิน เหมือนเป็นสัญลักษณ์ว่าพวกเขาสืบทอดเจตนารมณ์มาจากผู้นำ
บรรดาผู้นำสหภาพโซเวียต ปรากฏตัวบนอาคารสุสานของเลนิน เหมือนเป็นสัญลักษณ์ว่าพวกเขาสืบทอดเจตนารมณ์มาจากผู้นำ

เมื่อไหร่เลนินจะถูกฝัง?

ทุกวันนี้ข้อถกเถียงที่ว่า รัสเซียยังต้องการร่างของเลนินอยู่หรือไม่? (ก็ในเมื่อระบบคอมมิวนิสต์จบสิ้นไปนานแล้ว) ยังเป็นคำถามที่น่าสนใจ ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในหลายปีให้หลังพบว่าจำนวนผู้สนับสนุนให้มีการฝังเลนินอย่างสงบได้รับการสนับสนุนมากขึ้น อย่างไรก็ดี หากมองกันในแง่ของกฎหมาย การ “ฝัง” ของรัสเซีย กำหนดว่า เป็นการนำร่างไปไว้ใต้ผืนดินโดยอาจเป็นการฝังในหลุมศพหรือสุสาน ถ้ามองกันแบบนี้ ร่างของเลนิน (ที่อยู่ในโลงแก้ว และอยู่ในสุสานลึกลงไปจากผิวดินถึง 3 เมตร) ที่จริงได้รับการฝังแล้ว เลนินไม่มีทายาททำให้การถามความสมัครใจของครอบครัวเป็นเรื่องยากไปอีกขั้น สายเลือดที่ยังเหลือของท่านผู้นำ เป็นลูกหลานที่เกิดจากน้องชายของเขา น่าปวดหัวว่าทายาทในสายนี้ก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ บางคนเชื่อว่าเลนินถูกฝังแล้วตามกฎหมาย (และตามความเชื่อของรัสเซียออร์โธดอกซ์) ในขณะที่บางคนมองว่าร่างของเลนินไม่ควรถูกนำมาโชว์เหมือนสิ่งของจัดแสดงอีกต่อไป…

แล้วคุณล่ะ คิดอย่างไรกับเรื่องนี้?

References:

Dead Man Talking: Lenin’s Body and Russian Politics

Share This:

Share on facebook
Share on twitter

You may also like